Monday, September 29, 2008

"ความกล้าหาญทางจริยธรรม" พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี)

"ความกล้าหาญทางจริยธรรม" พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี)

พระ มหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) สถาบันวิมุตติยาลัย ปาฐกถาในหัวข้อเรื่อง "สังคมไทยกับการสร้างสรรค์ความกล้าหาญทางจริยธรรม" ใจความสำคัญ มีดังนี้

..ถ้าถามว่า ทำไมในหัวข้อที่ว่าความ กล้าหาญทางจริยธรรม จึงเป็นหัวข้อที่เชื่อว่าสำคัญที่สุดในเวลานี้ ก็คงจะต้องตอบว่าเพราะสังคมไทย ณ วันนี้กำลังมีปัญหาเรื่องจริยธรรมเป็นอย่างมาก หลายปีที่ผ่านมา หรือจะเรียกว่าช่วงทศวรรษนี้ หรือตั้งแต่ ปี พ.ศ.2540 เป็นต้นมาก็ว่าได้ สังคมไทย มีคำอยู่คำหนึ่ง ซึ่งโด่งดังเป็นที่ปรารถนาและพึงประสงค์อย่างมาก นั่นก็คือคำว่า "ธรรมาภิบาล" หรือการบริหารจัดการที่ดีนั่นเอง ธรรมาภิบาลนี้นับว่าเป็นคำใหม่ บริบทเดิมของธรรมาภิบาลก็คือ การบริหารจัดการที่เรียนในเชิงธุรกิจ

แต่เรายังมีคำที่เก่ากว่านั้น และน่าจะดีกว่าคำว่า "ธรรมาภิบาล" นั่นก็คือ คำว่า "การบริหารราชการแผ่นดิน โดยธรรม" ที่น่าสังเกตก็คือ ทำไมในช่วงทศวรรษนี้เราต้องการธรรมาภิบาลหรือเรียกร้องต้องกันกับการบริหาร ราชการ แผ่นดินอย่างยิ่ง ก็เพราะว่าเรากำลังขาดเนื้อในของการบริหารราชการแผ่นดิน สิ่งนี้ก็คือ "ธรรมะ"

ธรรมะในภาคปฏิบัติก็คือ จริยธรรม คำถามต่อมาก็คือแล้วธรรมะ หรือจริยธรรม ทำไมจึงไม่ถูกนำมาประพฤติปฏิบัติให้กลายเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักของคนไทยทั้ง ประเทศ นั่นเป็นเพราะว่าเรายังขาดความกล้าหาญทางจริยธรรมนั่นเอง

แต่หากจะถามว่า ความกล้าหาญทางจริยธรรมคืออะไร คำตอบก็คือ

หนึ่ง ความรักในความเป็นธรรม ความถูกต้อง และความจริง

สอง ความกล้าที่จะจักยืนทำในสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม รวมถึงเข้าใจโลกและชีวิตอีกด้วย

สิ่ง นี้คือความหมายที่แท้ของความกล้าหาญทางจริยธรรม และเราจะสามารถสร้างความกล้าหาญทางจริยธรรมที่ทำให้คนองอาจกล้าหาญในการที่ จะทำเพื่อประชาชนหรือทำเพื่อเพื่อนมนุษยชาติได้อย่างไรนั้น "พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี" ได้ยกตัวอย่าง ผู้ที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรม เช่น "สุทธิชัย หยุ่น" มาให้ฟังว่า...

สุทธิชัย หยุ่น เป็นสื่อมวลชนที่เรียกร้องหาสิทธิและเสรีภาพของสื่อมาโดยตลอด ในช่วงที่เขาไปทำงานเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยบรรณาธิการให้หนังสือพิมพ์แห่งหนึ่ง ก็มีข่าวว่าลูกชายนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งไปพังศาลาริมทาง แล้วยังไปปัสสาวะรดอีกด้วย ซึ่งเหตุดังกล่าวนักข่าวรู้กันหมดแต่ไม่มีฉบับไหนกล้าลงแม้แต่ฉบับเดียว คุณสุทธิชัยนั้นก็เชื่อมั่นว่าสื่อจะต้องมีเสรีภาพ ถ้าสื่อไม่มีเสรีภาพจะเป็นสื่อไปทำไม จึงไปขอภาพ นักข่าวมาลง โดยแอบลงไม่ให้บรรณาธิการทราบ

เหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อวันรุ่งขึ้นพบว่า นายกรัฐมนตรีท่านนั้นเรียกลูกชายไปตักเตือน ที่ดีกว่านั้นคือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนชมข่าวชิ้นนี้ และนับตั้งแต่ วันนั้น คำว่า สุทธิชัย หยุ่น จึงกลายเป็นชื่อนักข่าวคุณภาพเป็นต้นมา

" นี่คือความกล้าหาญทางจริยธรรมที่แท้จริง แต่คนที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมอย่างนี้นั้น จะต้องมีความระมัดระวังเช่นกัน เพราะเมื่อเราลุกขึ้นมาเรียกร้องความกล้าหาญทางจริยธรรมแล้วได้รับความ สำเร็จ หยัดยืนลุกขึ้นมาแสดงความกล้าหาญทางจริยธรรมที่ถูก ที่ควร เราอาจจะเป็นโรคเสพย์ติดจริยธรรมได้ คือจะทำตัวเป็นทั้งมโนธรรม คือเป็นศาลเตี้ย อันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่ได้ ที่ฉันว่าดีจึงดี ที่ฉันว่าใช่คือใช่ เริ่มไม่ฟังใคร จนบางครั้งเผลอตัวคิดว่าฉันเป็นสถาบันบุคคล"

ทำให้ในเวลาต่อมา จะเริ่มทำตัวเป็นไม้บรรทัดวัดไปเสียทุกคนและทุกเรื่อง คนไหนหรือเรื่องไหนที่ไม่ตรงกับไม้บรรทัดของตนเองนั้น ก็จะผลักเขาไปอีกข้างหนึ่งแล้วบอกว่าคนเหล่านั้นเป็นคนไม่ดี ไม่มีจริยธรรม เราจะกลายเป็นมโนธรรม ของสังคมในลักษณะแบบเผด็จการ

สิ่งเหล่านี้จะ เป็นภัยให้กับตนเอง เพราะคุณขาดความเข้าใจในโลกและชีวิต ถ้าคุณไม่เข้าใจในโลกและชีวิต ไม่รู้จัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา วันหนึ่งคุณจะกลายเป็นคนที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมที่แข็งกล้า และที่หนักกว่านั้น คุณอาจจะกลายเป็นผู้นำทางการเมืองที่ทำให้ บ้านเมืองไม่สงบสุขสักเท่าไหร่ เพราะคุณผูกขาดความมีจริยธรรมใหม่ และเชื่อมั่นว่าจริยธรรมของฉันเท่านั้นถูกที่สุด

"มนุษย์เรานั้นพอเชื่อมั่นว่าตัวเองถูกที่สุดแล้วทำร้ายใครก็ได้ในโลกนี้ เพราะ เขาจะถือว่าเขาผู้นั้นเป็นฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับจริยธรรม ก็คือฝ่ายอธรรมนั่นเอง และจะถือว่าฉันคือธรรมะ เพราะฉะนั้นพฤติกรรมที่ฉันทำทั้งหมดจึงถูกต้อง นี่คืออันตรายของคนที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมที่จะต้องเรียนรู้เอาไว้ให้ เท่าทัน มิเช่นนั้นคนที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมนั่นเอง จะเป็นผู้ที่ประพฤติร้ายต่อจริยธรรมของสังคมอย่างน่าเป็นห่วง"

ใน ทางกลับกัน หากผู้ที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมมีการศึกษาธรรมะควบคู่กันไป แทนที่เขาจะทำตัวเป็นมโนธรรม เป็นไม้บรรทัดของสังคม เขาจะปรับตัวใหม่ กลายเป็นมโนธรรมของสังคม เป็นเสียงแห่งสติของสังคม มีหน้าที่คอยติงและ คอยเตือน แต่ไม่ใช่ตำหนิ และเขาจะไม่ใช่ไม้บรรทัดของสังคมอีกต่อไป หากแต่จะยังเป็นเข็มทิศที่เที่ยงธรรมของสังคม วางตนเป็นแบบอย่างให้สังคมเห็นว่า ธรรมเป็นเช่นนี้ และอธรรมเป็นเช่นนี้

เหมือน ดังที่ กุหลาบ สายประดิษฐ์ นักหนังสือพิมพ์ผู้ยิ่งใหญ่ ได้เขียนเอาไว้ว่า ก่อนพายุก็ดี ขณะที่พายุกำลังโหมกระหน่ำก็ดี หลังพายุก็ดี เรายืนอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ต้น และเราไม่ได้ไปไหน เราอยู่ตรงนั้น มาโดยตลอด นั่นคือเขาจะทำตัวเป็นเข็มทิศทางจริยธรรม ไม่หนักไปในทางคุกคามคนอื่นให้สมาทานทางจริยธรรมของตนเองเบี่ยงเบนไป ด้วยวิธีนี้จริยธรรมของเขาจึงเป็นจริยธรรมที่ทุกฝ่ายรับได้ ไม่ใช่จริยธรรมที่มาพร้อมกับความกลัวอีกต่อไป

 

Tuesday, September 16, 2008

ความไม่พอ นั่นแหละชื่อว่าเป็นคนจน

ความไม่พอนั่นแหละชื่อว่าเป็นคนจน
ความจนนั่นแหละเป็นเจ้าของโทษ
เป็นผู้นำความทุกข์ความร้อนมาให้โดยรอบข้าง
ความจนทำความเศร้าใจ
ความจนทำความร้อนใจ
ความจนทำให้เลือดลมผิวพรรณในร่างกายซูบซีด
เศร้าหมองไม่ผ่องใส ค
วามจนทำให้เกิดโรคาอาพาธ
ความจน ทอนอายุให้สั้น
จะพรรณนาโทษแห่งความจนไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อผู้มีปัญญาพิจารณาเห็นโทษในความเป็นคน
จนแล้ว
พึงทำตนให้เป็นคนมั่งคนมี เป็นมหาเศรษฐี
การเป็นมหาเศรษฐีก็ไม่ต้องลำบาก
คือทำตนให้เป็นคนพอเท่านั้น
คือว่าเรามีเท่าไรก็พอเท่านั้น


พระอุบาลีคุณูปมาจารย์(จันทร์ สิริจันโท)
วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ

อยู่เย็นเป็นสุข

อยู่เย็นเป็นสุข...
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหม
รังสี)

ยศและลาภ หาบไป ไม่ได้แน่
มีเพียงแต่ ต้นทุน บุญกุศล

ทรัพย์สมบัติ ทิ้งไว้ ให้ปวงชน
แม้ร่างตน เขาก็เอา ไปเผาไฟ

เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน

เจ้ามามือเปล่า เจ้าจะ เอาอะไร
เจ้าก็ไป มือเปล่า เหมือนเจ้ามา

Monday, September 15, 2008

จิตของเรามันก้อเหมือนลิง

จิตของเรามันก้อเหมือนลิง (คำสอนพระพุทธองค์)พระพุทธองค์ตรัสว่า

 

จิตของคนเรานั้นเหมือนกับลิง

เราจึงเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมาย จากพฤติกรรมของลิง    ลิงนั้นเกลียดกะปิ

ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อไหร่มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือ จนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุดจนกลายเป็นว่า

"กะปิ่" ถึงจะร้ายก็ไม่ร้ายเท่า "ความเกลียดกะปิ"    ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะไม่ใช่เพราะกะปิ

หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก  สิ่งที่เราเกลียดนั้น  บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับ

ความเกลียดชังในจิตใจเรา       ความเกลียดชังหรือพูดให้ถูกก็คือ  ความรู้สึกอยากผลักไส

ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว   จึงเป็นเจ้าตัวร้ายที่เราต้องระวังให้มากๆแต่นั่นเป็นเพียงครึ่ง

หนึ่งของความจริงเท่านั้น  นอกจากความอยากผลักไสแล้วความยึดติดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังไม่แพ้

กันกลับมา ที่ลิงจอมซนอีกที  ในอินเดียลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน  เพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน

ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง  โดย ใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้ในกล่อง

มีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อ  วันดีคืนดีลิงมาที่สวนเห็นถั่วอยู่ในกล่องก็เอามือล้วงเข้า

ไปหยิบถั่ว  แต่พอถอนมือออกมาก็ติดฝากล่อง เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้ลิง

พยายามดึงมือเท่าไหร่ก็ไม่ออก

 พอชาวบ้านมาจับก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียวสุดท้ายก็ถูกคนจับได้  ลิงหาได้

เฉลียวใจไม่ว่า  เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น  มันก็เอาตัวรอดได้  แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น   ไม่

ยอมปล่อย

  จึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก  มีหลายอย่างที่เราอยากได้ใฝ่ฝันจึงถึงกับยึดไว้อย่างเหนียวแน่น    เวลา

 ประสบปัญหาเพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลายลง  แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อย

  จึงเกิดผลเสียตามมามากมาย  ไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึดจะชอบหรือพึงใจกับอะไรก็ตาม  อย่าถึงกับยึดติดจน

 เหนียวแน่นเกินไป เพราะโอกาสที่หน้ามืดตามัวนั้นมีสูงจนหาทางออกไม่เจอปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น

  ถ้าเรารู้จักปล่อยวางบางสิ่งเสียบ้างมันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ การปล่อยวางเป็นทางออกจากปัญหา

 ความจริง  การอยากผลักไสอะไรสักอย่างก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่งนั่นเอง   ทั้งๆที่ลิงพยายามถูกำจัด

 กลิ่นกะปิไปจากมือ  ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิซ้ำแล้วซ้ำเล่า  รู้ทั้งรู้ว่า  กลิ่นกะปินั้นเหม็น

 แต่ก็ดมมือไม่ยอมเลิกง่ายๆ   ในทำนองเดียวกันไม่ว่าเราจะโกรธอะไรหรือเกลียดใครก็มักดึงสิ่งนั้นหรือ

 คนนั้นเข้ามาในจิตใจ

  ให้ครุ่นคิดเสมอ   ไม่ยอมปล่อยไม่ยอมวางเสียทีทั้งๆ ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์    ปล่อยวางเสียเถิด แล้วใจ

 เราจะเบาขึ้นเป็นกองความทุกข์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเพราะพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือประสบกับสิ่งทีไม่

 พึงปรารถนาที่มัน บีบคั้น  กด  ทับจิตใจเราไม่หยุดหย่อนเสียที  ก็เป็นเพราะเราไปยึดไป แบกมันเข้า

 ไว้ทั้งวันทั้งคืน ในหลายกรณี ความทุกข์ก็ไม่ได้มาจากไหน   หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อยของเรา

 นั่นเอง..