Thursday, February 28, 2008

ทำงานอย่างมีความสุข

...ทำงานอย่างมีความสุข...หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
การที่จะทำงานอย่างมีความสุข หรือมีความสนุกกับการทำ
งานแล้ว
จะต้องมีความตั้งใจจริง มีความเสียสละ
ให้คิดไว้เสมอว่า เราทำประโยชน์อะไรให้กับสังคมบ้าง
โปรดอย่าคิดว่า สังคมจะทำประโยชน์อะไรให้กับเรา
โดยอาศัยหลักการในการทำงานทั้ง ๔ ประการ ดังกล่าว
แล้ว คือ

๑. พอใจในงานที่กระทำ (ฉันทะ)

๒. พยายามกระทำงานนั้น ๆ ด้วยความพากเพียร
(วิริยะ)

๓. เอาใจใส่ฝักใฝ่ดูแล (จิตตะ) และ

๔. ใช้ปัญญาความรู้สอบสวนแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด
(วิมังสา)

เมื่อยึดถือหลักการทำงานทั้ง ๔ ประการนี้แล้วก็จะไม่เซ็ง
ไม่พูดว่าไม่รู้จะทำอะไร และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีงานทำ
จงหางานทำ อย่าให้งานมาหาแล้วจึงทำ บางคนชอบแต่
สนุกแต่ไม่ชอบทำงาน จึงทำให้งานที่ต้องทำไม่เสร็จสักที
ทั้งนี้ก็เพราะใช้เวลาไม่เป็น โดยอ้างว่าไม่มีเวลา
บางคนมีเวลาไปเล่น แต่ไม่มีเวลาในการทำงาน
เพราะฉะนั้น หากทุกคนทำงานด้วยใจรัก ไม่ปล่อยให้งาน
อากูล ก็จะทำให้ตนเองและงานที่ตนจะต้องทำเกิดเป็น
มงคลขึ้นมา

Wednesday, February 13, 2008

อ่านแล้วจะรู้ว่านี่มันคือที่สุดแห่งที่สุด (อ่านกี่ครั้งก้อซึ้ง)

เช้าวันหนึ่ง..ที่โรงพยาบาล...

' ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อย..ได้มั๊ยคะ'
คุณแม่คนใหม่เอ่ยขึ้น..
  เมื่อห่อผ้าน้อย ๆ .....................อยู่ในอ้อมกอดเธอ เธอค่อย ๆ คลี่ผ้าที่ห่อออก..
เพื่อมองใบหน้าเล็ก ๆ .....................
  กรี๊ดดดด.....เธอกรีดร้อง
หมอต้องอุ้มเด็ก..ออกไปอย่างรวดเร็ว
  ** เด็กทารกที่เกิดมา...ไม่มีใบหู**
  และแล้ว....กาลเวลาพิสูจน์ว่า.... การได้ยินของเจ้าหนู..ไม่มีปัญหา
  ปัญหา..มีเฉพาะสิ่งที่มองเห็นภายนอก คือ....ใบหูที่หายไป
  หลายครั้ง..ที่เจ้าหนูกลับจากโรงเรียน แล้ววิ่งมาบอกแม่
  เธอรู้ว่า..หัวใจลูกปวดร้าวแค่ไหน...
เจ้าหนูพูดโพล่งออกมา..อย่างน่าเศร้า
' พวกเด็กตัวโต .. พวกมันล้อผมว่า
..
-- ไอ้ตัวประหลาด--'
  จนกระทั่ง....................... เจ้าหนูเติบโตขึ้น..หล่อเหลา.. เป็นที่รักของเพื่อน ๆ..
เค้ามีพรสวรรค์ ในด้านอักษรศาสตร์.. วรรณคดี..และดนตรี..
เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น
...
  แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น... ทำให้เค้า..ไม่อยากเจอใคร
  ' ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก' แม่กล่าว..ด้วยความสงสารลูก
  พ่อของเด็กชาย.. ปรึกษากับหมอประจำครอบครัว
และได้รับข่าวดีจากหมอว่า...
' ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาค..แต่ใครล่ะ..
จะเสียสละใบหู..เพื่อเด็กน้อยคนนี้' คุณหมอกล่าว
  จนกระทั่ง ...................... 2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย..
' ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่..หาคนบริจาคใบหู
  ที่ลูกต้องการได้แล้ว...
แต่นี่เป็นความลับ'
 
การผ่าตัด..สำเร็จด้วยดี และแล้ว...คนคนใหม่ก็เกิดขึ้น..
  .... เค้ากลายเป็น..ผู้มีพรสวรรค์...
เป็นอัจฉริยะในโรงเรียน...ในวิทยาลัย
จนเป็นที่กล่าวขานกัน..รุ่นต่อรุ่น
  ต่อมาได้แต่งงาน... และทำงาน.. เป็นข้าราชการในสถานทูต
  วันหนึ่ง.. ชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อว่า.
  ' พ่อครับ.. ใครเป็นคนมอบใบหูให้ผมมา ใครช่างให้ผมได้มากมาย..
แต่ผมไม่เคยทำอะไร.. เพื่อเค้าได้เลยสักนิด'
  ' พ่อไม่เชื่อว่า.. ลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอก.
เรื่องนี้......................เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว'
พ่อตอบ..   หลายปีผ่านไป....
มันยังคงเป็นความลับ
  และแล้ว..วันนึง..วันที่มืดมิดที่สุด.. ผ่านเข้ามา..ในชีวิตของลูกชาย  
แม่เค้าได้เสียชีวิตลง.
  เค้ายืนข้าง ๆ พ่อ... ใกล้หีบศพของแม่
  พ่อเรียกเค้า..
' มานี่สิลูก..มานั่งใกล้ ๆ นี่'
พ่อลูบผมแม่อย่างช้า ๆ..และนุ่มนวล
  ผมสีน้ำตาลแดง..ถูกเสยขึ้น จนมองเห็นใบหน้า..
ที่มองดูเหมือนคนนอนหลับ
  ... และแล้ว.. สิ่งที่ทำให้ลูกชาย..ถึงกับต้องตะลึง..
... ใบหูของแม่...หายไป!..
  แม่ไม่มีใบหู...
' นี่เป็นคำตอบ.. ที่ลูกอยากรู้มาตลอดชีวิต'..
พ่อกระซิบผ่านลูกชาย
  ' แม่บอกพ่อว่า..เธอดีใจ...................... ที่ได้ทำอย่างนี้..ตั้งแต่วันผ่าตัด..
  แม่ไม่เคยตัดผมอีกเลย..
ไม่มีใคร..มองเห็นว่า.. เธอไม่สวยจริงมั๊ย ?
- - - - - - - - - - - - - -
- - - - - - - -
  จงจำไว้..   ~ สิ่งมีค่า......................ที่แท้จริง ~
ไม่ได้อยู่ที่..การมองเห็น.. หากแต่อยู่ที่..
~ สิ่งที่เรา..มองไม่เห็น ~
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
  ~ ความรัก..ที่แท้จริง ~
  ไม่ได้อยู่ที่.. เราได้ทำอะไร.. แล้วมีคน..รับรู้..
  หากแต่อยู่ที่.. สิ่งที่เรา..กระทำ..แล้วไม่มีใคร..รับรู้ ..
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
  ~ ความรัก ~
  บางครั้ง.. ไม่จำเป็น.. ต้องพูดพร่ำเพรื่อ..
  หากแต่อยู่ที่....การกระทำ. ซึ่งเรา..อาจรับรู้..
  เพียงแค่..ฝ่ายเดียว..
  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
 
อ่านจบแล้ว..ใช้สมอง..ตรึกตรองสักนิด..
  ถ้าพรุ่งนี้..เราตายไป..
  บริษัท..
สามารถหาคนมาแทนเราได้
ภายในไม่กี่วัน..
  แต่ครอบครัวเรา..
ต้องสูญเสีย..
และคิดถึงเรา..ไปตลอด
  เราได้ใช้ชีวิต..กับการทำงาน
มากกว่าครอบครัว..หรือเปล่า ?
  ถ้ามากกว่า...
ก็เป็นการลงทุน..
ที่ไม่ฉลาดเลยจริง ๆ..

Saturday, February 9, 2008

เรียนธรรม​ใน​ธุรกิจ​ : ​ธรรมะ​เพื่อคณะรัฐมนตรี

​โกศล​ ​อนุสิม
​นายสมัคร​ ​สุนทรเวช​ ​นายกรัฐมนตรี​ ​ได้​พูดเสียงดังฟังชัดผ่านสื่อ​ ​เห็น​ทั้ง​ภาพ​ ​ได้​ยิน​ทั้ง​เสียงแจ่มแจ้งว่า​ ​คณะรัฐมนตรีชุดนี้ยอมรับว่าขี้​เหร่​อยู่​บ้าง​ ​โดย​ยกตัวอย่างรัฐมนตรี​จาก​พรรคเพื่อแผ่นดิน​ ​ที่​ได้​ตำ​แหน่งมา​เพราะ​บารมีของสามี​ ​ทั้ง​ที่​ไม่​มี​ความ​รู้​ความ​เชี่ยวชาญ​ใน​เรื่องที่​ต้อง​ทำ​หน้าที่​ใน​ตำ​แหน่งรัฐมนตรี​ ​โดย​นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า​ ​ที่จริงอยาก​ได้​คน​อื่น​มานั่งทำ​หน้าที่​ ​แต่ขืน​ไม่​ได้​ ​จึง​ต้อง​ปล่อย​ให้​ "​ขี้​เหร่​" ​ไป​

​หลัง​จาก​ที่นายกรัฐมนตรีพูดเช่นนี้​ ​บรรดา​ผู้​คน​จาก​พรรคเพื่อแผ่นดินก็ออกมาพูด​ใน​เชิง​ไม่​เห็น​ด้วย​กับ​คำ​พูดของนายกรัฐมนตรี​ ​จึง​มีคนวิ​เคราะห์​ไปล่วงหน้าว่า​ ​เห็นทีรัฐบาลผสม​ 6 ​พรรคนี้มีทีท่าว่า​จะ​อยู่​ได้​ไม่​กี่​เพลา​

​บ้างก็ว่า​ 6 ​เดือนบ้าง​ 1 ​ปี​ ​บ้าง​ 1 ​ปี​กับ​ 6 ​เดือนบ้าง​ ​ว่างั้น

​เพราะ​ลำ​พังการคุย​กัน​ใน​คณะรัฐบาลก็มีทีท่าว่า​จะ​ไม่​ค่อยรู้​เรื่อง​ ​และ​ไม่​มี​ใครยอมใคร​กัน​อยู่​แล้ว​ ​ยัง​มีฝ่ายค้าน​ "​มืออาชีพ​" ​อย่างพรรคประชาธิปัตย์คอยตรวจสอบถ่วงดุล​ ​ซึ่ง​ผู้​คน​ใน​วงการเมืองย่อมเคยรู้ฤทธิ์​เดชของฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ว่า​เป็น​มืออาชีพเพียงไร​

​นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือนายสมัคร​ ​สุนทรเวช​นั้น​ ​ก็​เคย​ได้​รับพิษสงของพรรคประชาธิปัตย์มา​แล้ว​ ​เมื่อครั้งที่​เกิดกรณี​ "​งู​เห่า​" ​ใน​พรรคประชากรไทยเมื่อหลายปีมา​แล้ว​ ​รวม​ทั้ง​นายบรรหาร​ ​ศิลปะอาชา​ ​หัวหน้าพรรคชาติ​ไทยที่​เป็น​พรรคร่วมรัฐบาล​ใน​ครั้งนี้​ ​ก็​แทบกระอักเลือด​เพราะ​การอภิปราย​ไม่​ไว้​วางใจของพรรคประชาธิปัตย์มา​แล้ว​ ​เมื่อครั้งที่นายบรรหารดำ​รงตำ​แหน่งนายกรัฐมนตรี

​แต่​จะ​อย่างไรก็ตาม​ ​แม้​จะ​ไม่​ชอบพรรคพลังประชาชน​และ​ ​นายสมัคร​ ​สุนทรเวช​ ​คนที่​ไม่​ชอบ​ทั้ง​หลายก็ควร​ต้อง​ยอมรับ​ใน​มติของคน​ส่วน​มากที่​แสดงออกมาผ่านการเลือกตั้ง​ ​ให้​รัฐบาลนายสมัคร​ได้​ทำ​งานไปอย่างเต็มที่​ ​เรา​ผู้​ไม่​เห็น​ด้วย​ไม่​ว่า​จะ​เป็น​ใคร​ ​เป็น​คนเดินดิน​หรือ​ขี่​เรือบิน​ ​ก็คอยตรวจสอบเอา​ไว้​เสมอๆ​ ​หากทำ​ไม่​ดีสมคำ​คุยก็​จะ​ได้​จัดการตามวิถีทางประชาธิปไตย​ ​(​โดย​ไม่​ใช้​รถถัง) ​กัน​ต่อไป​

​เคยฝากธรรมะ​ไป​ถึง​คณะรัฐบาล​แล้ว​ใน​ครั้งก่อนๆ​ ​คราวนี้ขอฝากอีกสักนิดหนึ่ง​เป็น​การย้ำ​เตือน​ความ​ทรงจำ​และ​เพื่อ​ให้​กำ​ลังใจรัฐบาล​ทั้ง​คณะ​ด้วย​ครับ

​อันดับแรก​ ​อยากฝาก​ถึง​คณะรัฐบาล​ ​ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า​เป็น​คณะรัฐบาลตัวแทนของคน​อื่น​ ​คือทำ​งานแทนคน​อื่น​ ​ไม่​ใช่​ตัวจริง​ ​ทั้ง​ยัง​คิดคนละอย่าง​ ​ทำ​คนละทาง​ ​แต่​เมื่อมา​เป็น​รัฐบาลที่​ต้อง​ทำ​งานเพื่อประชาชน​ทั้ง​ประ​เทศ​แล้ว​

​ขอท่านจงตรอง​ให้​ดีครับ​ ​ว่าท่าน​จะ​ทำ​งานเพื่อประชาชน​ ​หรือ​เพื่อคนที่​อยู่​เบื้องหลัง

​ผมขอฝากท่าน​ให้​นึก​ถึง​ธรรมะของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า​ ​ซึ่ง​คณะรัฐมนตรี​ทั้ง​หมด​หรือ​เกือบ​ทั้ง​หมดก็​เป็น​ชาวพุทธ​ ​คงท่อง​ได้​จำ​ได้​ ​โดย​เฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี​ ​ธรรมที่ผมอยากฝากท่าน​ให้​นึก​ถึง​ก็คือ​ ​อปริหานิยธรรม​

​ผมขอยกคำ​อธิบาย​จาก​หนังสือวิชาพระพุทธศาสนา​ ​ชั้นมัธยมศึกษาปีที่​ 5 ​มา​ให้​ท่านคณะรัฐมนตรีอ่านทบทวน​ความ​ทรงจำ​ว่า​ ​อปริหานิยธรรมนี้​เป็น​หลักธรรมสำ​หรับ​ใช้​ใน​การปกครอง​ ​เพื่อป้อง​กัน​มิ​ให้​การบริหารหมู่คณะ​เสื่อมถอย​ ​แต่กลับเสริม​ให้​เจริญเพียง​ส่วน​เดียว​ ​สามารถ​นำ​ไป​ใช้​ได้​ทั้ง​หมู่ชน​และ​ผู้​บริหารบ้านเมือง​และ​พระภิกษุสงฆ์​ ​ดังนี้คือ​

อปริหานิยธรรมสำ​หรับหมู่ชน​และ​การบริหารบ้านเมือง​ ​เป็น​หลัก​ใน​การปกครอง​ ​โดย​ปฏิบัติตามหลักการร่วมรับผิดชอบที่​จะ​ช่วย​ป้อง​กัน​ความ​เสื่อม​ ​นำ​ไปสู่​ความ​เจริญรุ่งเรือง​โดย​ส่วน​เดียว​ ​มี​ 7 ​ประการคือ

1. ​หมั่นประชุม​กัน​เนืองนิตย์​ ​เป็น​การประชุมพบปะปรึกษาหารือกิจการงานต่าง​ ​ๆ​ ​แลกเปลี่ยน​ความ​คิดเห็น​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​ ​และ​หา​แนวทางแก้​ไขปัญหาต่าง​ ​ๆ​ ​ร่วม​กัน​โดย​สม่ำ​เสมอ

2. ​พร้อมเพรียง​กัน​ประชุม​ ​เลิกประชุม​ ​และ​ทำ​กิจกรรมร่วม​กัน​ ​เป็น​การประชุม​และ​การทำ​กิจกรรม​ทั้ง​หลายที่พึงกระทำ​ร่วม​กัน​ ​หรือ​พร้อมเพรียง​กัน​ลุกขึ้นป้อง​กัน​บ้านเมือง

3. ​ไม่​บัญญัติ​ ​หรือ​ล้มเลิกข้อบัญญัติต่าง​ ​ๆ​ ​เป็น​การ​ไม่​เพิกถอน​ ​ไม่​เพิ่มเติม​ ​ไม่​ละ​เมิด​หรือ​วางข้อกำ​หนดกฎเกณฑ์ต่าง​ ​ๆ​ ​อันมิ​ได้​ตกลงบัญญัติ​ไว้​ ​และ​ไม่​เหยียบย่ำ​ล้มล้างสิ่งที่ตกลงวางบัญญัติ​ไว้​แล้ว​ ​ถือปฏิบัติมั่น​อยู่​ใน​บทบัญญัติ​ใหญ่​ที่วาง​ไว้​เป็น​ธรรมนูญ

4. ​ให้​ความ​เคารพ​และ​รับฟัง​ความ​คิดเห็นของ​ผู้​ใหญ่​ ​ผู้​ใหญ่​เป็น​ผู้​มีประสบการณ์ยาวนาน​ ​ดัง​นั้น​เรา​ต้อง​ให้​เกียรติ​ ​ให้​ความ​เคารพนับถือ​ ​และ​รับฟัง​ความ​คิดเห็นของท่าน​ใน​ฐานะที่​เป็น​ผู้​รู้​และ​มีประสบการณ์มามาก​

5. ​ไม่​ข่มเหงสตรี​ ​เป็น​การ​ให้​เกียรติ​และ​คุ้มครองสตรี​ ​มิ​ให้​มีการกดขี่ข่มเหงรังแก

6. ​เคารพบูชาสักการะ​เจดีย์​ ​คือการ​ให้​ความ​เคารพศาสนสถาน​ ​ปูชนียสถาน​ ​อนุสาวรีย์ประจำ​ชาติ​ ​อัน​เป็น​เครื่องเตือน​ความ​จำ​ ​ปลุกเร้า​ให้​เราทำ​ความ​ดี​ ​และ​เป็น​ที่รวมใจของหมู่ชน​ ​ไม่​ละ​เลย​ ​พิธี​เคารพบูชาอันพึงทำ​ต่ออนุสรณ์สถานที่สำ​คัญเหล่า​นั้น​ตามประ​เพณีที่ดีงาม

7. ​ให้​การอารักขาพระภิกษุสงฆ์​หรือ​ผู้​ทรงศีล​ ​เป็น​การจัดการ​ให้​ความ​อารักขา​ ​บำ​รุง​ ​คุ้มครอง​ ​อันชอบธรรม​ ​แก่บรรพชิต​ ​ผู้​ทรงศีลทรงธรรมบริสุทธิ์​ซึ่ง​เป็น​หลักใจ​และ​เป็น​ตัวอย่างทางศีลธรรมของประชาชน​ ​เต็มใจต้อนรับ​และ​หวัง​ให้​ท่าน​อยู่

​คำ​อธิบาย​จาก​หนังสือมัธยมศึกษาปีที่​ 5 ​นี้​ ​คณะรัฐมนตรีท่านคง​เข้า​ใจ​ได้​ ​เพราะ​ใช้​ภาษา​ไม่​ยาก​ ​จึง​ขอฝาก​ไว้​แก่ท่านที่​จะ​บริหารบ้านเมือง​ ​โปรดนำ​ไป​ใช้​บ้าง​ ​โดย​เฉพาะข้อที่​ 1-4 ​นั้น​สำ​คัญต่อการบริหารบ้านเมือง​โดย​ตรง

​เรื่องนี้อาจ​ซ้ำ​กับ​ตอนที่​แล้วๆ​ ​มาบ้าง​ ​แต่ก็จำ​เป็น​ ​ขอท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​พิจารณา​ด้วย​ ​เพราะ​นี่​เป็น​คำ​สั่งสอนขององค์พระบรมศาสดา​ ​เป็น​อริยสัจ​ ​คือ​ ​ความ​จริงแท้​เสมอ

​เมื่อท่านนำ​ใช้​ได้​ดีๆ​ ​ทำ​สิ่งดีๆ​ ​แก่บ้านเมือง​ ​เวลา​ 4 ​ปีอาจ​อยู่​ครบจนต่อ​ได้​อีกหลายสมัย

​ถ้า​ไม่​สนใจก็​ ​ตัวใครตัวมันนะครับท่าน