Wednesday, January 14, 2009

จิ. เจ. รุ. นิ.

จิ. เจ. รุ. นิ.

หัวใจพระอภิธัมมัตถสังคหะ ๙

 

    ๔ คำนี้ โบราณเรียกว่า เป็นหัวใจพระอภิธัมมัตถสังคหะ ๙ ปริจเฉท

          จิ. หมายความว่า " จิต "

          เจ. หมายความว่า " เจตสิก "

          รุ. หมายความว่า " รูป "

          นิ. หมายความว่า " นิพพาน "

มงคลสูตรอรรถแปล ๓๘ ประการ

 

   เอวัมเม สุตัง ฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม ฯ อะถะโข อัญญะตะรา เทวะตา อะภิกกันตายะ รัตติยา อะภิกกันตะวัณณา เกวะละกัปปัง เชตวะนัง โอภาเสตตะวา เยนะ ภะคะวา เตนุปะสังกะมิ อุปะสังกะมิตตะวา ภะคะวันตัง อะภิวาเทตตะวา เอกะมันตัง อัฎฐาสิ ฯ เอกะมันตัง ฐิตา โข สา เทวะตา ภะคะวันตัง คาถายะ อัชฌะภาสิ

 

    ข้าพเจ้า ( คือ พระอานนทเถระ ) ได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่ที่พระเชตวันวิหารอารามของอนาถบิณฑกเศรษฐี ใกล้เมืองสาวัตถี ครั้งนั้นแล เทพดาองค์ใดองหนึ่ง ครั้นเมื่อราตรีปฐมยามล่วงไปแล้ว มีรัศมีอันงามยิ่งนัก ยังพระเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่โดยที่ใด ก็เข้าไปเฝ้าโดยที่นั้น ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้ยืนอยู่ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นเทพยดานั้นยืนอยู่ในที่ีสมควร ส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า

 

    พะหุ เทวา มะนุสสา จะ มังคะลานิ อะจินตะยุง

 

   อากังขะมานา โสตถานัง พรูหิ มังคะละมุตตะตัง ฯ

 

   หมู่เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ผู้หวังความสวัสดี    ได้คิดหามงคลทั้งหลาย ขอพระองค์จงทรงเทศนามงคลอันสูงสุด.

 

   อะเสวะนา พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา

 ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

 ความไม่คบคลพาลทั้งหลาย ๑ ความคบบัณฑิตทั้งหลาย ๑

 ความบูชาชนที่ควรปูชาทั้งหลาย ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

 

   ปะฎิรูปะเทสะวาโส จะ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา

  อัตตะสัมมาปะณิธิ จะ เอตัมมังคะละมุตตมัง ฯ

  ความอยู่ในประเทศอันสมควร ๑

  ความเป็นผู้มีบุญอันทำแล้วในกาลก่อน ๑

  ความตั้งตนไว้ชอบ ๑ ข้อนี้เป็นมงคลสูงสุด.

 

   พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต

  สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

  ความได้ฟังแล้วมาก ๑ ศิลปศาสตร์ ๑

  วินัยอันชนศึกษาดีแล้ว ๑

  วาจาอันชนกล่าวดีแล้ว ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

 

   มาตาปิตุอุปัฎฐานัง ปุตตะทารัสสะ สังคะโห

  อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

  ความบำรุงมารดาและบิดา ๑ ความสงเคราะห์ลูกและเมีย ๑

  การงานทั้งหลายอันไม่อากูล ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

 

   ทานัญญะ ธัมมะจะริยา จะ ญาตะกานัญจะ สังคะโห

  อะนะวัชชานิ กัมมานิ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

  ความให้ ๑ ความประพฤติธรรม ๑

  ความสงเคราะห์ญาติทั้งหลาย ๑

  กรรมทั้งหลายอันไม่มีโทษ ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

 

   อาระตี วิระตี ปาปา มัชชะปานา จะ สัญญะโม

  อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

  ความงดเว้นจากบาป ๑ ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ๑

  ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

 

   คาระโว จะ นิวาโต จะ สันตุฎฐี จะ กะตัญญุตา

 กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

 ความเคารพ ๑ ความไม่จองหอง ๑ ความยินดีด้วยของอันมีอยู่ ๑

 ความเป็นผู้รู้อุปการะอันท่านทำแล้วแก่ตน ๑

  ความฟังธรรมโดยกาล ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

 

   ขันตี จะ โสวะจัสสะตา สะมะณานัญจะ ทัสสนัง

 กาเลนะ ธัมมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

 ความอดทน ๑ ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑

  ความเห็นสมณะทั้งหลาย ๑

 ความเจรจาธรรมโดยกาล ๑ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

 

   ตะโป จะ พรหมะจะริยัญจะ อะริยะสัจจานะ ทัสสะนัง

 นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

 ความเพียรเผากิเลส ๑ ความประพฤติอย่างพรหม ๑

 ความเห็นอริยสัจทั้งหลาย ๑ ความทำพระนิพพานให้แจ้ง ๑

  ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด....

 

   ผุฎฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ นะ กัมปะติ

 อะโสกัง วิระชัง เขมัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ

 จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหว

 ไม่มีโศก ปราศจากธุลี เกษม ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.

 

   เอตาทิสานิ กัตตะวานะ สัพพัตถะมะปะราชิตา

 สัพพัตถะ โสตถิง คัจฉันติ ตันเตสัง มังคะละมุตตะมันติ

 เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย กระทำมงคลทั้งหลาย เช่นนี้แล้ว

 เป็นผู้ไม่พ้ายแพ้ในที่ทั้งปวง ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทั้งปวง

 ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด ของเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้นแล.

  มังคะละสุตตัง นิฎฐิตัง ฯ จบมงคลสูตร.

No comments: