Monday, September 15, 2008

จิตของเรามันก้อเหมือนลิง

จิตของเรามันก้อเหมือนลิง (คำสอนพระพุทธองค์)พระพุทธองค์ตรัสว่า

 

จิตของคนเรานั้นเหมือนกับลิง

เราจึงเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมาย จากพฤติกรรมของลิง    ลิงนั้นเกลียดกะปิ

ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อไหร่มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือ จนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุดจนกลายเป็นว่า

"กะปิ่" ถึงจะร้ายก็ไม่ร้ายเท่า "ความเกลียดกะปิ"    ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะไม่ใช่เพราะกะปิ

หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก  สิ่งที่เราเกลียดนั้น  บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับ

ความเกลียดชังในจิตใจเรา       ความเกลียดชังหรือพูดให้ถูกก็คือ  ความรู้สึกอยากผลักไส

ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว   จึงเป็นเจ้าตัวร้ายที่เราต้องระวังให้มากๆแต่นั่นเป็นเพียงครึ่ง

หนึ่งของความจริงเท่านั้น  นอกจากความอยากผลักไสแล้วความยึดติดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังไม่แพ้

กันกลับมา ที่ลิงจอมซนอีกที  ในอินเดียลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน  เพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน

ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง  โดย ใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้ในกล่อง

มีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อ  วันดีคืนดีลิงมาที่สวนเห็นถั่วอยู่ในกล่องก็เอามือล้วงเข้า

ไปหยิบถั่ว  แต่พอถอนมือออกมาก็ติดฝากล่อง เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้ลิง

พยายามดึงมือเท่าไหร่ก็ไม่ออก

 พอชาวบ้านมาจับก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียวสุดท้ายก็ถูกคนจับได้  ลิงหาได้

เฉลียวใจไม่ว่า  เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น  มันก็เอาตัวรอดได้  แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น   ไม่

ยอมปล่อย

  จึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก  มีหลายอย่างที่เราอยากได้ใฝ่ฝันจึงถึงกับยึดไว้อย่างเหนียวแน่น    เวลา

 ประสบปัญหาเพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลายลง  แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อย

  จึงเกิดผลเสียตามมามากมาย  ไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึดจะชอบหรือพึงใจกับอะไรก็ตาม  อย่าถึงกับยึดติดจน

 เหนียวแน่นเกินไป เพราะโอกาสที่หน้ามืดตามัวนั้นมีสูงจนหาทางออกไม่เจอปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น

  ถ้าเรารู้จักปล่อยวางบางสิ่งเสียบ้างมันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ การปล่อยวางเป็นทางออกจากปัญหา

 ความจริง  การอยากผลักไสอะไรสักอย่างก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่งนั่นเอง   ทั้งๆที่ลิงพยายามถูกำจัด

 กลิ่นกะปิไปจากมือ  ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิซ้ำแล้วซ้ำเล่า  รู้ทั้งรู้ว่า  กลิ่นกะปินั้นเหม็น

 แต่ก็ดมมือไม่ยอมเลิกง่ายๆ   ในทำนองเดียวกันไม่ว่าเราจะโกรธอะไรหรือเกลียดใครก็มักดึงสิ่งนั้นหรือ

 คนนั้นเข้ามาในจิตใจ

  ให้ครุ่นคิดเสมอ   ไม่ยอมปล่อยไม่ยอมวางเสียทีทั้งๆ ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์    ปล่อยวางเสียเถิด แล้วใจ

 เราจะเบาขึ้นเป็นกองความทุกข์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเพราะพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือประสบกับสิ่งทีไม่

 พึงปรารถนาที่มัน บีบคั้น  กด  ทับจิตใจเราไม่หยุดหย่อนเสียที  ก็เป็นเพราะเราไปยึดไป แบกมันเข้า

 ไว้ทั้งวันทั้งคืน ในหลายกรณี ความทุกข์ก็ไม่ได้มาจากไหน   หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อยของเรา

 นั่นเอง..

No comments: