การบริหารความเสี่ยงตามนัยพุทธธรรม
(Risk Management in the Buddha's Teaching)
ธนภณ สมหวัง
ปัจจุบันมีการพูดถึงการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ในองค์กรและหน่วยงานต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจากกระแสต่างๆ เป็นจำนวนมากเข้ามากระทบ และมีทั้งระดับความรวดเร็วและรุนแรง ดังนั้น จึงทำให้เกิดความเสี่ยง คือ "โอกาสหรือเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่จะทำให้เราไม่บรรลุวัตถุประสงค์" ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เราสูญเสียความมั่นใจในการที่จะก้าวไปสู่เป้าหมาย หรือเสี่ยงต่อการบรรลุเป้าหมายที่เราต้องการ
ในการบริหารสมัยใหม่ จึงมีการกำหนดวัตถุประสงค์/เป้าหมายขององค์กรอย่างชัดเจน และมีการระบุความเสี่ยงต่างๆ ที่(คาดว่า)จะส่งผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือการกำหนดเหตุปัจจัยต่างๆ ที่ไม่พึงประสงค์ และมีการวางแผนและติดตามตรวจสอบตามแผนที่ได้วางไว้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเรียกรวมๆ ได้ว่า การบริหารความเสี่ยง
เมื่อพิจารณาจากแนวคิดทางพระพุทธศาสนาแล้ว จะพบว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า พระพุทธศาสนามีหลักคำสอนที่เน้นใน 2 ระดับ คือ
1. สัจธรรม ความเป็นจริงของสรรพสิ่ง หรือส่วนที่แสดงสภาวะหรือสอนเกี่ยวกับสภาวะของสิ่งทั้งหลาย หรือธรรมชาติและความเป็นไปโดยธรรมดาของสิ่งทั้งหลาย หรือเรียกง่ายๆ ว่า สอนกฎธรรมชาติ
2. จริยธรรม ความรู้หรือการนำเอาความรู้ในสัจธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิต
ในระดับสัจธรรม จะเห็นได้ว่า เป็นสิ่งที่พระพุทธศาสนาให้ความสำคัญมากที่จะช่วยให้มนุษย์เข้าใจได้ว่า ธรรมชาติมีสภาวะที่ไม่เที่ยง ไม่คงที่ เป็นสภาวะที่ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดและการสลายตัว ฝืนและขัดแย้งกันอยู่ในตัว ทั้งนี้ก็เพราะความไม่มีตัวตนหรือสรรพสิ่งไม่มีตัวตนที่แท้จริงนั่นเอง
สิ่งทั้งหลายที่เราพบเห็น หากจะกล่าวว่ามี ก็ต้องว่ามีอยู่ในรูปของกระแส ที่ประกอบด้วยปัจจัยต่างๆ อันสัมพันธ์เนื่องอาศัยกัน เกิดดับสืบต่อกันต่อไปอยู่ตลอดเวลาไม่ขาดสาย ดังชีวิตของบุคคล พระพุทธศาสนาก็มองว่า เกิดจากการรวมกันขององค์ประกอบต่างๆ ที่เรียกว่า ขันธ์ 5 นั่นเอง
การบริหารความเสี่ยงตามนัยพุทธธรรม จึงมีประเด็นสำคัญอยู่ที่การที่มนุษย์เข้าถึงความจริงของธรรมชาติที่ว่านี้ (สัจธรรม) แล้วปฏิบัติต่อความจริงนี้อย่างถูกต้อง นั่นคือ พระพุทธศาสนามองความจริงว่า สรรพสิ่งล้วนแต่เปลี่ยนแปลงไปตามกฎของไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) แต่กระบวนการในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ มิได้เปลี่ยนแปลงหรือเกิดขึ้นอย่างเลื่อนลอย หากแต่เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง (causes and conditions) ถ้าหากเราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เราก็สร้างเหตุปัจจัยต่างๆ ที่จะนำไปสู่ความดี ในขณะเดียวกัน เราก็สามารถจัดการกับเหตุปัจจัยต่างๆ ที่จะนำไปสู่สิ่งที่ไม่ดีได้
การเข้าถึงความจริงของสรรพสิ่ง (สัจธรรม) จึงทำให้เราสามารถบริหารความเสี่ยงได้ (จริยธรรม)
No comments:
Post a Comment