Sunday, December 14, 2008

แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา

แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา

 

อริยสัจ 4 คลอบคลุมหลักการของพระพุทธศาสนาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น

 

·        หลัก "เว้นชั่ว ทำดี ทำใจให้บริสุทธิ์"

 

·        หลัก "ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"

 

·        หลัก "เราบัญญัติแต่ทุกข์และความดับทุกข์"

 

·        หลัก "อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาท กับนิพพาน"

 

ทุกหลักรวมอยู่ในหลักอริยสัจ 4 ทั้งนั้น

 

เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาแล้ว  ก็เท่ากับจับจุดได้ว่าจะต้องเจาะจงลงไปหาแก่นในนั้น

 

ขอย้ำว่า "อริยสัจ 4" คือหลักที่โยงความจริงในธรรมชาติ  มาสู่การใช้ประโยชน์ของมนุษย์  เพราะลำพังกฎธรรมชาติเอง  มันมีอยู่ตามธรรมดา  ถ้าเราไม่รู้วิธีปฏิบัติ  ไม่รู้จุดที่จะเริ่มต้น  ไม่รู้ลำดับเราก็สับสน

 

                พระพุทธเจ้าทรงต้องการให้เราได้ประโยชน์จากกฎธรรมชาติโดยสะดวก จึงนำมาจัดรูป

 

 ตั้งแบบ วางระบบไว้ให้ เรียกว่า อริยสัจ 4 โดยทำลำดับให้เห็นชัดเจน เป็นได้ทั้งวิธีสอน ทั้งวิธีแก้ปัญหาและวิธีที่จะลงมือทำการต่างๆ  เมื่อทำตามหลักอริยสัจ 4  ความจริงของธรรมดาที่ยาก ก็เลยง่ายไปหมด

 

ความจริงมีอยู่ตามธรรมดา พระพุทธเจ้า ก็มาค้นพบและเปิดเผย

 

                ต่อไปนี้เมื่อจะดู "แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาก็ต้องดูที่หลักความจริงอีก  เริ่มด้วยข้อแรกมองว่าพระพุทธศาสนามีท่าทีหรือทัศนะต่อความจริงอย่างไร  คือมองดูโลก มองดูธรรมชาติและชีวิตอย่างไร พูดสั้นๆ ว่า พระพุทธศาสนามองความจริงของสิ่งทั้งหลายอย่างไร

 

                จุดเริ่มต้นนี้ชัดอยู่แล้วในพุทธพจน์  ที่พระสวดอยู่เสมอในงานอุทิศกุศลว่า

 

"อุปฺปาทา วา ภิกฺขเว ตถาคตาน อนุปฺปาทา วา ตถาคตาน  ฐิตา ว สา ธาตุ...มีเนื้อความว่า "ตถาคตคือพระพุทธเจ้า จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม ความจริงก็คงอยู่เป็นกฎธรรมดา เป็นความแน่นอนของธรรมชาติ ว่าดังนี้ ๆ"

 

นี่คือการมองความจริงตามแบบของพระพุทธศาสนา  พุทธพจน์นี้เป็นหลักพื้นฐาน  เราควรจะเริ่มต้นด้วยหลักนี้ นั่นก็คือพระพุทธศาสนามองสิ่งทั้งหลายเป็นเรื่องของธรรมชาติและกฎธรรมชาติ  เป็นความจริงที่เป็นอยู่อย่างนั้นตามธรรมดาของมัน  ไม่เกี่ยวกับการเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า

 

                ในพุทธพจน์นี้เอง  พระพุทธเจ้าตรัสต่อไปว่า "ตถาคตมารู้ความจริง ค้นพบความจริงนี้แล้ว จึงบอกกล่าว เปิดเผย แสดง ชี้แจง ทำให้เข้าใจง่าย ว่าดังนี้ ๆ"

 

                พุทธพจน์ตอนนี้บอกฐานะของพระศาสดาว่า  ฐานะของพระพุทธเจ้า คือผู้ค้นพบความจริง แล้วนำความจริงนั้นมาเปิดเผยแสดงให้ปรากฏ พระพุทธเจ้าไม่ใช่เป็นผู้บัญญัติหรือเป็นผู้สร้างผู้บันดาลอะไรขึ้นมาจากความไม่มี  พระองค์เพียงแต่แสดงความจริงที่มีอยู่  การที่พระองค์บำเพ็ญบารมีทั้งหลาย ก็เพื่อมาตรัสรู้ เข้าถึงความจริงอันนี้ที่มีอยู่ตามธรรมดา

 

                ความจริงนี้มีอยู่ตามธรรมดาตลอดเวลา   ไม่มีใครเสกสรรบันดาล (ไม่มีผู้สร้าง  เพราะถ้ามีผู้สร้าง  ก็ต้องมีผู้ที่สร้างผู้สร้างนั้น ถ้าผู้สร้างมีเองได้ก็แน่นอนเลยว่า  สภาวธรรมก็มีอยู่ได้โดยไม่ต้องมีผู้สร้าง)  มันไม่อยู่ใต้อำนาจบังคับบัญชาของใคร  ไม่มีใครบิดผันเปลี่ยนแปลงมันได้  ผู้ใดมีปัญญาจึงจะรู้เข้าใจและใช้ประโยชน์มันได้

 

                ปัญหาอยู่ที่ว่า  เราไม่มีปัญญาที่จะรู้  เมื่อเราไม่รู้ความจริงที่เรียกว่ากฎธรรมชาตินี้  เราก็ปฏิบัติต่อสิ่งทั้งหลายไม่ถูกต้องเพราะสิ่งทั้งหลายเป็นไปตามความจริงของมัน  เมื่อเราไม่รู้ความจริงของมัน  เราก็ปฏิบัติต่อมันไม่ถูก  จึงเกิดปัญหาต่อตัวเราเอง

 

                เพราะฉะนั้น  การรู้ความจริงของธรรมชาติจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง  เมื่อเรารู้แล้ว  เราก็จะปฏิบัติต่อสิ่งทั้งหลายได้ถูกต้องเหมือนกับในทางวิทยาศาสตร์ฝ่ายวัตถุ  ที่ค้นพบความจริงคือกฎธรรมชาติบางอย่างหรือบางส่วน  เมื่อ ค้นพบแล้วก็นำเอากฎธรรมชาติส่วนนั้นมาใช้ทำอะไรต่างๆ ได้ เช่นการสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ตั้งแต่เรือกลไฟ รถยนต์ รถไฟ เรือบิน ตลอดจนคอมพิวเตอร์ได้  ก็มาจากการรู้ความจริงของกฎธรรมชาติทั้งนั้น  เมื่อรู้แล้วก็จัดการมันได้  เอามันมาใช้ประโยชน์ได้ ถ้าไม่รู้ ก็ตัน ติดขัด มีแต่เกิดปัญหา

 

                เรื่องนี้ก็ธรรมนองเดียวกับวิทยาศาสตร์ แต่วิทยาศาสตร์เอาแค่ความจริงของโลกวัตถุ  ส่วนพระพุทธศาสนามองความจริงของโลกและชีวิตทั้งหมด

 

                รวมความว่า   พระพุทธศาสนามองความจริงของสิ่งทั้งหลายว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติที่มีอยู่และเป็นไปตามธรรมดาของมันแล้วพระพุทธเจ้ามาค้นพบ  แล้ว ก็ทรงทำให้เข้าใจง่ายขึ้นโดยมีวิธีจัดรูปร่างระบบแบบแผนให้เรียนรู่ได้สะดวก และวางเป็นกฎเกณฑ์ต่างๆ นี่ก็คือการจับเอาหลักการของความจริงนั้นเอง  มาจัดเป็นระบบมากขึ้น  เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจของเรา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ชื่อผู้แต่ง                :   พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต)

 

ชื่อหนังสือ            :    แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา

 

สำนักพิมพ์      :   โรงพิมพ์การศาสนา  กระทรวงศึกษาธิการ

 

ปีที่พิมพ์                 :   2543

 

No comments: